บล็อกทันเหตุการณ์

  • http//pututani
  • pututani

วันจันทร์ที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

เหตุการณ์รับเปิดเทอม53

ประกบยิงครูดับรับเปิดเทอม คนร้ายเจอรถเบียด จยย.พุ่งชนเสาคาที่ บึ้มบันนังสตาตำรวจสาหัส 3
Written by Administrator
SATURDAY, 08 MAY 2010 14:05
อับดุลเลาะ หวังนิ / แวดาโอ๊ะ หะไร
อะหมัด รามันห์สิริวงศ์
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา

ใต้ยังป่วนต่อเนื่อง คนร้ายควบมอเตอร์ไซค์ประกบยิงครูเสียชีวิตรับเปิดภาคการศึกษาใหม่ แต่หนึ่งใน 3 คนร้ายหนีไม่รอด เจอรถผู้ตายเบียดจนเสียหลักพุ่งชนเสาเสียชีวิตคาที่ ค้นตัวเจอปืนและเครื่องกระสุนเพียบ ธารโตป่วนหนักวางกับระเบิดในสวนยางพารา ชาวบ้านเหยียบตูมสนั่นขาขาด บันนังสตาก็วุ่น วางบึ้มเสาไฟฟ้า 3 จุดหวังดับเมือง ตำรวจเจอ “สไปเดอร์บอมบ์” กู้ไม่ทันสาหัสอีก 3

สถานการณ์ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ช่วงปลายสัปดาห์ที่ผานมา ยังคงมีเหตุการณ์ความไม่สงบเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการประทุษร้ายกับ “ครู” ในช่วงใกล้เปิดภาคการศึกษาใหม่ ซึ่งหน่วยข่าวด้านความมั่นคงออกมาแจ้งเตือนก่อนหน้านี้

โดยเมื่อวันศุกร์ที่ 7 พ.ค.2553 เวลาประมาณ 16.20 น. เกิดคนร้ายจำนวน 3 คน ขับขี่รถจักรยานยนต์ 2 คันเป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนพกขนาด 11 ม.ม. ประกบยิง นายภาพ ลาภเจือจันทร์ อายุ 45 ปี ครูโรงเรียนบ้านกรือเซะ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี เสียชีวิตขณะขับรถกระบะยี่ห้ออีซูซุ สีเลือดหมู หมายเลขทะเบียน บกค 491 ยะลา มุ่งหน้ากลับบ้าน ที่บ้านเลขที่ 122/56 บ้านตือเบาะ หมู่ 10 ต.สะเตงนอก อ.เมือง จ.ยะลา เหตุเกิดบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 ท้องที่ ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ยะรัง และเจ้าหน้าที่ทหารจากหน่วยเฉพาะกิจปัตตานี 21 นำกำลังรุดไปตรวจสอบ และสอบสวนจนทราบว่า ขณะเกิดเหตุ นายภาพ กำลังขับรถอยู่ในท้องที่บ้านเกาะบาตอ หมู่ 5 ต.เมาะมาวี อ.ยะรัง มีคนร้ายขี่รถจักรยานยนต์ 2 คัน ใช้อาวุธปืนพกประกบยิงนายภาพ แต่นายภาพยังแข็งใจขับรถเบียดรถของคนร้าย ทำให้รถจักรยานยนต์ของมือปืนเสียหลักพุ่งชนเสาไฟฟ้า เป็นเหตุให้คนร้ายซึ่งเป็นผู้ขับขี่เสียชีวิต ส่วนผู้ก่อเหตุอีก 1 คนได้รับบาดเจ็บ จึงวิ่งไปซ้อนท้ายรถจักรยานยนต์ของคนร้ายอีก 1 คันที่ขับตามมา หลบหนีไป

ส่วนรถกระบะของนายภาพ ยังเสียหลักเฉี่ยวชนราษฎรซึ่งเดินอยู่ข้างถนนได้รับบาดเจ็บ 1 ราย เจ้าหน้าที่นำส่งโรงพยาบาลศูนย์ยะลา ขณะที่นายภาพเสียชีวิต

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบอาวุธปืนพกขนาด 9 ม.ม.จำนวน 1 กระบอก พร้อมซองกระสุน และกระสุนบรรจุอยู่จำนวน 14 นัด ซึ่งเป็นของคนร้ายที่เสียชีวิต ตกอยู่ในที่เกิดเหตุด้วย นอกจากนั้นยังมีปลอกกระสุนปืน 11 มม.จำนวน 2 ปลอก กระสุนปืน 11 มม. จำนวน 1 นัด รองเท้าแตะหูคีบสีดำ จำนวน 1 คู่ และรองเท้าแตะลายทหาร 1 ข้าง รวมทั้งรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ สีดำ แผ่นป้ายทะเบียน กยว 702 ปัตตานี ซึ่งเป็นทะเบียนปลอม และเป็นรถของคนร้ายที่ใช้ก่อเหตุด้วย จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ โดยคนร้ายที่เสียชีวิตจนถึงขณะนี้ยังไม่ทราบชื่อ อย่างไรก็ดี มีข่าวบางกระแสระบุว่า ผู้ตายอาจจะเป็น นายอิมรอน (สงวนนามสกุล)

ค่ำวันเดียวกัน เกิดเหตุคนร้าย 1 คน ขี่รถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟ 110 สีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน กพอ 564 ปัตตานี ตามประกบยิง ส.ต.ท.เสน่ห์ ปานโรจน์ ผู้บังคับหมู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ (ผบ.หมู่ นปพ.) สภ.หนองจิก จ.ปัตตานี ขณะขี่รถจักรยานยนต์กลับจากออกกำลังกาย กระสุนถูกบริเวณหัวไหล่ได้รับบาดเจ็บ เหตุเกิดบนถนนในหมู่บ้านกาแต หมู่ 1 ต.ดอนรัก อ.หนองจิก เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มก่อความไม่สงบ หรือเป็นการล้างแค้นส่วนตัว


บึ้มกลางสวนยาง-ชาวบ้านขาขาด

วันเสาร์ที่ 8 พ.ย.2553 เวลา 07.00 น. พ.ต.อ.เฉลิมเกียรติ อัมรากระสินธุ์ ผู้กำกับการ สภ.ธารโต จ.ยะลา รับแจ้งเหตุมีชาวบ้านเหยียบกับระเบิดของกลุ่มคนร้ายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ในท้องที่บ้านปาลัส หมู่ 2 ต.ธารโต อ.ธารโต จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุอยู่ในสวนยางพาราบนภูเขาหลังหมู่บ้าน ทราบชื่อผู้ได้รับบาดเจ็บคือ นายวิชิต ดวงเต็ม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 68 หมู่ 2 ต.ธารโต เป็นเจ้าของสวนยาง แรงระเบิดทำให้นายวิชิตอาการสาหัส ขาซ้ายขาดเกือบถึงเข่า

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุนายวิชิตได้ออกจากบ้านเพื่อไปกรีดยางพาราในสวนยางตามปกติ ระหว่างกำลังเดินอยู่ตามร่องสวน ได้ไปเหยียบกับระเบิดที่กลุ่มคนร้ายแอบฝังไว้ เป็นเหตุให้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น และนายวิชิตได้รับบาดเจ็บสาหัสดังกล่าว เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการกดดันให้ชาวไทยพุทธย้ายออกจากพื้นที่


บันนังสตาร้อน-ระเบิดเสาไฟฟ้า3จุดหวังดับเมือง

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 พ.ค. พ.ต.ท.เจตน์ เจริญยืน รักษาการผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา จ.ยะลา ได้นำกำลังพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดและกองพิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบจุดเกิดเหตุระเบิดบริเวณเสาไฟฟ้าริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ช่วงกรงปินัง-บันนังสตา) ท้องที่บ้านป่าหวังนอก หมู่ 11 ต.บันนังสตา หลังคนร้ายลอบก่อเหตุเมื่อกลางดึกคืนที่ผ่านมา

ทั้งนี้ เสาไฟฟ้าที่ถูกระเบิดอยู่ห่างจากบ้านของ นายมะอุเซ็ง สะตายา เลขที่ 63/1 หมู่ 11 ต.บันนังสตา ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 11 ต.บันนังสตา เพียง 20 เมตร บริเวณโคนเสาได้รับความเสียหาย ในที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยับพบเศษกล่องเหล็กและเศษสายไฟกระจายเกลื่อน จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เข้าตรวจสอบเสาไฟฟ้าริมถนนใกล้กับสำนักงานที่ดินอำเภอบันนังสตา ท้องที่หมู่ 3 บ้านเงาะกาโป ต.บันนังสตา และเสาไฟฟ้าริมถนนสายบันนังสตา-ปะแต ท้องที่หมู่ 7 บ้านกูวอบาเดาะ ต.บันนังสตา ซึ่งถูกคนร้ายลอบวางระเบิดเช่นกัน โดยเสาไฟฟ้าได้รับความเสียหายเล็กน้อย ทุกจุดคนร้ายบรรจุระเบิดแสวงเครื่องไว้ในกล่องเหล็ก

สอบสวนทราบว่าเมื่อเวลาประมาณ 21.00 น.คืนวันที่ 5 พ.ค. เกิดระเบิดดังขึ้น 3 ครั้งในพื้นที่ อ.บันนังสตา แต่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ออกไปตรวจสอบ เนื่องจากเกรงคนร้ายจะก่อเหตุซ้ำซ้อน กระทั่งเช้าจึงออกไปตรวจสถานที่เกิดเหตุ และพบคนร้ายลอบวางระเบิดเสาไฟฟ้า 3 จุด เชื่อว่าต้องการให้กระแสไฟฟ้าในเขตเทศบาลตำบลบันนังสตาดับ แต่โชคดีที่ระเบิดทำให้เสาไฟฟ้าเสียหายเพียงเล็กน้อย


ตำรวจเจอ "สไปเดอร์บอมบ์" กู้ไม่ทันตูมสนั่นเจ็บอีก 3

วันพุธที่ 5 พ.ค.2553 เวลา 09.30 น.ที่ อ.บันนังสตา เช่นกัน พ.ต.ท.วิชัย แจ้งสกุล รองผู้กำกับการ สภ.บันนังสตา รับแจ้งจากศูนย์วิทยุ สภ.บันนังสตา ว่าเกิดเหตุระเบิดขึ้นบริเวณด้านหลังธนาคารออมสิน สาขาบันนังสตา ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวน 3 ราย จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณหน้าบ้านเลขที่ 103 ถนนบันนังสตาวิถี ด้านหลังธนาคารออมสิน ในเขตเทศบาลตำบลบันนังสตา เจ้าหน้าที่พบเศษเหล็ก เศษชิ้นส่วนอิเลคทรอนิกส์ เศษวิทยุสื่อสารกระจายเกลื่อนเต็มพื้น ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บถูกนำส่งโรงพยาบาลบันนังสตาแล้ว ทราบชื่อคือ ร.ต.อ.มานพ บริพันธ์ อายุ 37 ปี รองสารวัตรปราบปราม (รอง สวป.) สภ.บันนังสตา ถูกระเบิดบริเวณศีรษะ และใบหูขวาฉีกขาด ส.ต.ท.ปฐมพงษ์ ศีรษะพล อายุ 31 ปี ถูกสะเก็ดระเบิดที่ใบหน้า และลำคอ และ ส.ต.ท.เอกพล แก้วทอน อายุ 26 ปี ผู้บังคับหมู่งานป้องกันปราบปราม (ผบ.หมู่ ป.) ถูกสะเก็ดระเบิดที่บริเวณขอบตา

สอบสวนทราบว่า คนร้ายได้นำระเบิดชนิดแสวงเครื่อง น้ำหนัก 3 กิโลกรัม บรรจุในกล่องเหล็ก จุดชนวนด้วยวิทยุสื่อสาร (สไปเดอร์บอมบ์) ไปวางไว้ใต้เหล็กริมฟุตบาท หน้าบ้านเลขที่ 103 ถนนบันนังสตาวิถี และได้นำเศษใบไม้มาปูอำพรางไว้ แต่ชาวบ้านเห็นว่าเป็นวัตถุต้องสงสัย จึงแจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.บันนังสตา เข้าตรวจสอบ เมื่อเจ้าหน้าที่ไปถึง ได้กันประชาชนออกห่าง แต่จังหวะนั้นเอง คนร้ายซึ่งคาดว่าจะแฝงตัวอยู่ใกล้กับจุดที่เกิดเหตุ ได้กดขนวนระเบิดขึ้น จนเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดตรวจที่เกิดเหตุได้รับบาดเจ็บ 3 นาย นอกจากนั้น กลุ่มคนร้ายยังได้วางกล่องต้องสงสัยไว้ข้างสะพานบ้านบาลอบาตะ บนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 410 (ยะลา-เบตง) หมู่ 13 ต.ตลิ่งชัน อ.บันนังสตา เพื่อสกัดการติดตามของเจ้าหน้าที่ด้วย เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ


ผู้ใหญ่บ้านดับอีก 1-ปธ.ชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่ฯโวยรัฐ

เวลา 13.30 น.วันพฤหัสบดีที่ 6 พ.ค. ศูนย์วิทยุ สภ.ยะหา จ.ยะลา รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่บ้านมาแน หมู่ 6 ต.ยะหา จึงประสาน สภ.ยะหา ส่งกำลังรุดไปตรวจสอบ พบผู้เสียชีวิตถูกนำส่งโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชยะหาแล้ว คือ นายมูซอ แดวอสะนุง อายุ 52 ปี อยู่บ้านเลขที่ 145 หมู่ 6 ต.ยะหา มีตำแหน่งเป็นผู้ใหญ่บ้านหมู่ 6

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ นายมูซอ กำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับจากไปประชุมประจำเดือน ณ ที่ว่าการอำเภอยะหา มุ่งหน้ากลับบ้าน แต่ระหว่างทางมีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้รถกระบะเป็นพาหนะ ขับตามประกบ จากนั้นคนในรถได้ใช้อาวุธสงครามยิงถล่มจนเสียชีวิต เบื้องต้นสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ

ด้าน นายนาแว กะริยอ ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จ.ยะลา กล่าวว่า ในห้วง 1 เดือนที่ผ่านมาในพื้นที่ต้องสูญเสียผู้ใหญ่บ้านไปแล้ว 2 รายจากเหตุการณ์ความไม่สงบ สถานการณ์เริ่มบ่งชี้ว่าคนร้ายพุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้นำชุมชนอีกครั้ง จึงอยากเรียกร้องให้รัฐบาลให้ความสำคัญกับการปกป้องชีวิตของผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นกลไกของรัฐในระบบหมู่บ้านให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ด้วย


บึ้มทหารพราน-จ่อยิงพ่อค้าเนื้อ

ก่อนหน้านั้น เมื่อวันอังคารที่ 4 พ.ค. เวลา 07.15 น. ร.ต.อ.หมัดอุเส็ง เมาะสะนิ ร้อยเวรสอบสวน สภ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส รับแจ้งเหตุคนร้ายจุดชนวนระเบิดดักสังหารเจ้าหน้าที่ทหารพราน สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4506 กรมทหารพรานที่ 45 ได้รับบาดเจ็บ 3 นาย เหตุเกิดในโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะเยาะ หมู่ 7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบหลุมระเบิดบริเวณกอไผ่ข้างศาลาเอนกประสงค์ ขนาดลึก 2 ฟุต กว้าง 4 ฟุต มีเศษซากชิ้นส่วนของระเบิดแสวงเครื่อง ที่คนร้ายประกอบใส่ไว้ในกล่องเหล็ก น้ำหนักประมาณ 5 กิโลกรัม จุดชนวนด้วยโทรศัพท์มือถือ กระจายเกลื่อนพื้น จึงเก็บรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ส่วนหลังคาศาลาเอนกประสงค์ถูกสะเก็ดระเบิดได้รับความเสียหายเป็นรูพรุน

สำหรับผู้ได้รับบาดเจ็บ พลเมืองดีช่วยกันนำตัวส่งโรงพยาบาลเจาะไอร้องแล้ว ประกอบด้วย ส.ท.สุทิน กิจประสงค์ หัวหน้าชุด อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) ยศศิริ อินทรสุข และ อส.ทพ.ศิริรัฐ ขาวมรกต

สอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุ ส.ท.สุทิน หัวหน้าชุด ได้นำกำลังทหารพรานรวม 11 นาย เดินเท้าออกจากฐานซึ่งตั้งอยู่ภายในวัดเจาะไอร้อง มุ่งหน้าไปยังโรงเรียนบ้านลูโบ๊ะเยาะ เพื่อทำโครงการเศรษฐกิจพอเพียงเป็นอาหารกลางวันให้เด็กนักเรียนช่วงเปิดเทอม เมื่อไปถึง เจ้าหน้าที่ได้พากันวางสัมภาระต่างๆ ภายในศาลาเอนกประสงค์ ปรากฏว่ามีคนร้ายไม่ทราบจำนวนแฝงตัวอยู่ในละแวกนั้น ใช้โทรศัพท์มือถือจุดชนวนระเบิดที่ซุกไว้บริเวณกอไผ่ข้างศาลาเอนกประสงค์ จนเกิดระเบิดขึ้น 1 ครั้ง ทำให้เจ้าหน้าที่ทหารพรานได้รับบาดเจ็บดังกล่าว เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าเป็นการกระทำของกลุ่มก่อความไม่สงบ

ก่อนหน้านั้น เมื่อคืนวันจันทร์ที่ 3 พ.ค. เวลาประมาณ 22.30 น. มีคนร้ายไม่ทราบจำนวนใช้อาวุธปืนสงครามยิงใส่ฐานปฏิบัติการทหารพรานกองร้อยที่ 4602 กรมทหารพรานที่ 46 ตั้งอยู่ที่บ้านโคกสุมุ หมู่ 3 ต.บางปอ อ.เมือง จ.นราธิวาสด้วย แต่ไม่มีกำลังพลได้รับบาดเจ็บ เชื่อว่าเป็นการสร้างสถานการณ์ของกลุ่มผู้ไม่หวังดีเช่นกัน

ที่ จ.ปัตตานี เวลา 07.50 น.วันอังคารที่ 4 พ.ค. พ.ต.อ.นฤชา สุวรรณลาภา รักษาราชการแทนผู้กำกับการ สภ.เมืองปัตตานี รับแจ้งเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต บริเวณริมทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 42 สายปัตตานี-นราธิวาส เยื้องๆ กับมัสยิดกรือเซะ ท้องที่หมู่ 3 บ้านกรือเซะ ต.ตันหยงลุโล๊ะ อ.เมือง จ.ปัตตานี จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ

ทั้งนี้ จุดเกิดเหตุอยู่ใกล้เขียงขายเนื้อริมถนน พบศพ นายบือราเฮง แวสะนิ อายุ 56 ปี อยู่บ้านเลขที่ 108 หมู่ 3 ต.คลองมานิง อ.เมืองปัตตานี สภาพศพถูกยิงด้วยอาวุธปืนอาก้า ขณะที่มือซ้ายของผู้ตายยังกำมีดอยู่ นอกจากนั้นในที่เกิดเหตุยังพบปลอกกระสุนปืนอาก้า จำนวน 4 ปลอก จึงเก็บไว้เป็นหลักฐาน

จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายเป็นพ่อค้าขายเนื้ออยู่ในพื้นที่ดังกล่าวมานานหลายปี โดยเฉพาะวันที่มีตลาดนัดจะออกมาขายเนื้อตรงจุดเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงเช้ามืดเพียงลำพังทุกครั้ง ก่อนเกิดเหตุขณะที่ผู้ตายกำลังเฉือนเนื้อให้กับลูกค้า ปรากฏว่ามีคนร้าย 2 คนขี่รถจักรยานยนต์มาจอดหน้าร้าน จากนั้นคนที่นั่งซ้อนท้ายใช้อาวุธปืนอาก้าจ่อยิงเผาขนจนนายบือราเฮงล้มฟุบกองกับพื้น เสียชีวิตทันที ก่อนหลบหนีคนร้ายยังได้ใช้อาวุธปืนอาก้ายิงขึ้นฟ้าอีก 3 นัด

หลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กระจายกำลังปิดล้อมในละแวกใกล้เคียง แต่ก็ไม่พบตัวคนร้าย ส่วนสาเหตุการสังหารโหดครั้งนี้ เบื้องต้นมุ่งไป 2 ประเด็น คือความขัดแย้งส่วนตัวเกี่ยวกับธุรกิจขายเนื้อ และการสร้างสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ด้วยการสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์

1 ความคิดเห็น: