บล็อกทันเหตุการณ์

  • http//pututani
  • pututani

วันอาทิตย์ที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2553

อาศีส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรีคนที่ 18

อาศีส พิทักษ์คุมพล” จุฬาราชมนตรีคนที่ 18 ของเมืองไทย กับความคาดหวังของคนชายแดนใต้
วันจันทร์ 17 พ.ค. 2010 01:45
ปรัชญา โต๊ะอิแต
โต๊ะข่าวภาคใต้ สถาบันอิศรา

แม้วิกฤตการณ์ "สงครามกลางเมือง" ในกรุงเทพฯจะร้อนแรงเพียงใด แต่ปฎิเสธไม่ได้ว่าประเด็นที่พูดถึงกันมากไม่แพ้กันในสังคมมุสลิมขณะนี้ก็คือ
การสรรหาจุฬาราชมนตรีคนที่ 18 แทน นายสวาสดิ์ สุมาลยศักดิ์ อดีตจุฬาราชมนตรีที่ถึงแก่อนิจกรรม
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 16 พ.ค.2553 ที่ศูนย์บริหารกิจการศาสนาอิสลามแห่งชาติ คลอง 9 จ.ปทุมธานี คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 39 จังหวัดทั่วประเทศ
จำนวน 716 คน จากทั้งหมด 751 คน ทะยอยไปลงทะเบียนเข้าร่วมการประชุมครั้งประวัติศาสตร์เพื่อเลือกจุฬาราชมนตรีคนใหม่ โดยมี นายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรี
ช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย นายธีระ สลักเพชร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม นายมานิต วัฒนเสน ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการสรรหาจุฬา
ราชมนตรี นายมงคล สุระสัจจะ รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการปกครอง และผู้แทนเอกอัครราชทูตประเทศมุสลิมเข้าร่วมสังเกตการณ์
ทั้งนี้ คณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้เสนอชื่อผู้เข้ารับการสรรหาเป็นจุฬาราชมนตรีอย่างกว้างขวางถึง 9คน ประกอบด้วย นายสมาน มาลีพันธ์ นายอาศีส พิทักษ์คุมพล
นายวินัย สะมะอูน นายอรุณ อีซอ นายอรุณ บุญชม นายอิมรอน มะลูลีม นายทวี นภากร นายทองคำ มะหะหมัด และนายอรุณ วันแอเลาะห์
อย่างไรก็ดี ตามพระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540และกฎกระทรวง ระบุว่า หากมีผู้ได้รับการเสนอชื่อเกิน 3คน จะต้องใช้วิธีสรรหา
โดยการจับสลากเลือกตัวแทนจากคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จังหวัดละ 1 คนเป็นกรรมการสรรหา เพื่อสรรหาผู้ได้รับการเสนอชื่อให้เหลือเพียง 3 คน
โดยวิธีลงคะแนนลับ เมื่อได้ 3 ชื่อแล้ว ก็เสนอให้ที่ประชุมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดลงคะแนนต่อไป
ปรากฏว่า 3 ชื่อสุดท้าย ได้แก่ นายอาศีส นายทวี และนายสมาน
ผลการลงคะแนนปรากฏว่า นายอาศีส พิทักษ์คุมพล ได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรีคนใหม่ โดยได้คะแนนสนับสนุนถึง 423 คะแนน
หลังจากนี้ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จะนำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นจุฬาราชมนตรีต่อไป
เปิดปูมจุฬาราชมนตรีคนใหม่
อนึ่ง นายอาศีส เป็นตัวแทนจากภาคใต้คนแรกที่ได้รับเลือกเป็นจุฬาราชมนตรี โดยเขาเป็นชาว จ.สงขลา อายุ 63ปี ปัจจุบันเป็นรองประธานคณะกรรมการกลางอิสลามแห่ง
ประเทศไทย เป็นประธานชมรมคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด 14 จังหวัดภาคใต้ เป็นยังเคยเป็นสมาชิกวุฒิสภาด้วย
นายอาศีส เป็นบุคคลที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางจากทั้งแวดวงราชการและภาคประชาชน ทั้งยังดำรงตำแหน่งสำคัญๆ มากมาย
อาทิ ที่ปรึกษาสภาเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ของศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)เคยร่วมเป็นคณะกรรมการอิสระไต่สวนข้อเท็จ
จริงกรณีเหตุการณ์วันที่ 28 เม.ย.2547 (เหตุการณ์กรือเซะ) และเหตุการณ์สลายการชุมนุมที่หน้า สภ.ตากใบ จ.นราธิวาส
เมื่อวันที่ 25 ต.ค.2547 หรือเหตุการณ์ตากใบ
ผลงานล่าสุดที่โดดเด่นอย่างยิ่งก็คือ โครงการก่อสร้างมัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา งบประมาณกว่า 143 ล้านบาท ซึ่ง นายอาศีส เป็นแกนกลางคนสำคัญที่ทำให้เกิด
การร่วมแรงร่วมใจกันทั้งภาครัฐ ฝ่ายการเมือง ภาคเอกชน และประชาชน กระทั่งโครงการประสบความสำเร็จ
วอนจุฬาราชมนตรีให้ความสำคัญ“ไฟใต้”
สำหรับความรู้สึกของพี่น้องมุสลิมในจังหวัดชายแดนใต้ที่มีต่อจุฬาราชมนตรีคนใหม่นั้น เท่าที่ “ทีมข่าวอิศรา” สำรวจความคิดเห็นก็พบว่าส่วนใหญ่คาดหวังในตัวผู้นำสูงสุด
ในกิจการศาสนาอิสลามของประเทศไทยกันไม่น้อยทีเดียว
นายอับดุลเลาะ ตาเยะ ชาว อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี กล่าวว่า จุฬาราชมนตรีนั้นถือเป็นอามีรฺ หรือผู้นำสูงสุดของพี่น้องมุสลิมในประเทศไทย ฉะนั้นจุฬาราชมนตรี
จะต้องเป็นผู้ที่ยึดถือหลักการอย่างชัดเจน และสนองตอบการแก้ไขปัญหาของพี่น้องมุสลิม
“ผมอยากให้ท่านจุฬาราชมนตรีคนใหม่เพิ่มบทบาทการทำงานให้มากขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะการให้ความสำคัญกับปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
โดยสร้างการมีส่วนร่วมและลงพื้นที่บ่อยๆ เพื่อจะได้ทราบสถานการณ์และรับรู้ถึงความเดือดร้อนของชาวบ้าน เพราะที่ผ่านมาประชาชนสามจังหวัดมองว่าจุฬาราชมนตรี
ยังไม่มีบทบาทตรงนี้เท่าที่ควร จากที่ได้พูดคุยกันในวงน้ำชา ชาวบ้านส่วนใหญ่รู้จักบทบาทของจุฬาราชมนตรีเพียงแค่การประกาศวันถือศีลอดและวันรายอเท่านั้น
ส่วนบทบาทอื่นที่สมควรจะมีมักไม่ค่อยมี”
“นอกจากนั้นยังอยากให้จุฬาราชมนตรีมีส่วนร่วมทางการเมือง แต่ต้องไม่ผูกติดกับนักการเมือง มีความอิสระจากกลุ่มการเมืองต่างๆ และเดินหน้าเรื่องสินค้าฮาลาลให้ได้
มาตรฐานสากล”
นางเจ๊ะรูฮาณี ลอแบลูวง แม่บ้านจาก ต.สะบารัง อ.เมือง จ.ปัตตานี ให้ความเห็นคล้ายๆ กันว่า อยากให้จุฬาราชมนตรีคนใหม่มีบทบาทในการแก้ไขปัญหาสามจังหวัด
มากกว่าที่ผ่านมา อย่าหลงในตำแหน่งจนไม่กล้าลงพื้นที่เพื่อเรียนรู้ปัญหาและรับทราบข้อเท็จจริง
นายอาดือนัน ซาการียา เด็กหนุ่มจาก อ.รามัน จ.ยะลา กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนสามจังหวัด ก็อยากให้จุฬาราชมนตรีสนใจปัญหาภาคใต้มากๆ และมีใจเป็นกลาง
ร่วมแก้ไขปัญหาด้วยความเป็นธรรม
ภารกิจลดขัดแย้งทั้งระดับชาติและระดับพื้นที่
ขณะที่ อัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการด้านสันติวิธี และอดีตกรรมการอิสระเพื่อความสมานฉันท์แห่งชาติ (กอส.) กล่าวว่า จุฬาราชมนตรีจะต้องเป็นแบบอย่าง
ในหลักการของอิสลาม เป็นแบบอย่างในการบริหารกิจการอิสลามของประเทศและอุมมะฮฺ (ประชาชาติ) ด้วยความชาญฉลาด เสียสละ เข้มแข็ง ไม่โอนอ่อนตามกระแส
การเมืองทั้งในและนอกประเทศ ไม่ยึดติดกับอำนาจ และไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตนหรือพวกพ้องจากอำนาจหน้าที่ที่สูงส่งนี้ ที่สำคัญคือต้องมีภาวะผู้นำเพียงพอ
ที่จะสามารถชี้นำหลักชัยแห่งอิสลามทั้งในสังคมมุสลิมและสังคมทั่วไปได้อย่างไม่มีข้อสงสัย
“อย่าได้มองและเข้าใจเอาเองว่าผู้ที่เป็นจุฬาราชมนตรีมีหน้าที่รับผิดชอบตามกฎหมาย (พระราชบัญญัติการบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ.2540)เท่านั้น
เพราะหน้าที่หลักที่แท้จริงคือการรักษา ปกป้อง เสริมสร้างศักดิ์ศรี และยกระดับดัรญัด (สถานภาพ) ความเป็นมุสลิมที่สมบูรณ์แบบบนหน้าแผ่นดินของพระองค์ต่างหาก”
“ในโลกยุคโลกาภิวัฒน์ จุฬาราชมนตรีจะต้องกล้าหาญในการชูธงความเป็นมุสลิมในประเทศนี้อย่างสมศักดิ์ศรีและเต็มเปี่ยมด้วยเกียรติภูมิอันสูงสุด ด้วยวุฒิพิสัยที่ทรงคุณค่า
ทัศนวิสัยที่กว้างไกลบนพื้นฐานความรู้ทางศาสนาอย่างแตกฉาน มือและความคิดจะต้องประสานสิบทิศ ลดสารพันความขัดแย้งของสังคมประเทศให้น้อยลงและหมดสิ้น
อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนในประเทศและโลกมุสลิมอย่างแท้จริง”

นับเป็นความท้าทายของจุฬาราชมนตรีคนใหม่ในบริบทความขัดแย้ง...ทั้งในระดับชาติและจังหวัดชายแดนภาคใต้!
ที่มาศูนย์ข่าวอิศรา
www.isranews.org/isranews/index.php?option=com_content&view=article&id=339:-18-&catid=10:2009-11-15

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น